ค่า CCA บนแบตเตอรี่
เคยสงสัยกันมั้ยครับว่า เวลาที่เราจะซื้อแบตเตอรี่รถยนต์นอกจากค่าโวลต์(V)และค่าแอมป์(Ah)ที่ผู้ซื้อส่วนใหญ่ให้ความสนใจ ยังมีตัวเลขอีกค่าหนึ่งระบุไว้บนฉลาก นั่นคือค่า CCA ซึ่งในความเป็นจริงแล้วค่า CCA เป็นตัวเลขที่สำคัญมากๆ อีกทั้งยังเป็นค่าที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของแบตเตอรี่โดยตรง จึงมักจะมีคนบอกเราว่า ให้เราดูค่า CCA ของตัวแบตเตอรี่ด้วยเสมอ แต่ปัญหาคือเราไม่รู้น่ะสิว่าเจ้าค่า CCA คืออะไร ต้องแสดงค่าเท่าไหร่ถึงจะดี แล้วมันสำคัญยังไงกับรถยนต์ของเรากันแน่ ถ้าคุณสงสัยวันนี้ PongBatteryService จะมาไขข้อสงสัยทั้งหมดเกี่ยวกับค่า CCA ให้คุณเองครับ
สารบัญเนื้อหา
- ค่า CCA คืออะไร?
- มาตรฐานการวัดค่า CCA
- ค่า CCA มีความสำคัญอย่างไร
- CCA สูงทำให้ใช้แบตได้นานกว่าจริงมั้ย
- ทำไมเวลาวัดค่าของ CCA แต่ละครั้งถึงไม่เท่ากัน
- ค่า CCA เท่าไรถึงจะเหมาสมกับรถของเรา
ค่า CCA คืออะไร?
ตัวอักษรย่อ CCA จะย่อมาจากกลุ่มคำเต็มว่า Cold Cranking Amp ซึ่งเป็นการรวมกันของคำ 3 คำ คือ Cold ซึ่งในภาษาไทยแปลว่า หนาว หรือ เย็น + Cranking ภาษาไทยแปลว่าการหมุน + Amp คือ แอมป์ หน่วยวัดค่ากระแสของไฟฟ้า รวมกันเป็น ค่ากระแสไฟฟ้าที่หมุนในความเย็น แต่ในที่นี้เราหมายถึงรถยนต์จึงแปลได้ว่าค่า CCA คือ ค่ากระแสไฟฟ้าที่ทำให้มอเตอร์ของรถยนต์หมุนหรือเริ่มทำงานในสภาวะอากาศหนาวเย็น เรียกง่ายๆว่าค่า CCA คือค่ากำลังสตาร์ทของเครื่องยนต์ ณ อากาสหนาวนั่นเอง
มาตรฐานการวัดค่า CCA
การทดสอบวัดค่า CCA นั้นมีมาตรฐานการทดสอบแบ่งออกเป็นหลายมาตรฐานแต่ที่นิยมใช้กัน จะมีแบ่งเป็นหลักๆ 3 มาตรฐานการทดสอบ คือ SAE J537 CCA test , IEC CCA test ,DIN CCA test เรามีมาตรฐานการวัดค่า CCA ของแต่ละมาตรฐานดังนี้ต่อไปนี้ครับ
SAE J537 CCA test
เริ่มการทดสอบเราต้องชาร์จไฟให้ตัวแบตเตอรี่เต็มตามมาตรฐานของ SAE J537 ก่อน และต้องรักษาอุณหภูมิขณะทดสอบไว้ที่ – 18 องศาเซลเซียส( 0 องศาฟาเรนไฮต์) จะทดสอบเป็นเวลา 24 ชม. ในขณะที่อุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งให้ใช้การปล่อยกระแสไฟฟ้าเท่ากับค่า CCA ที่ระบุ (แบตเตอรี่ 500 CCA คายประจุที่ 500A) ในการผ่านแรงดันจะต้องอยู่เหนือ 7.2V (1.2V / เซลล์) เป็นเวลา 30 วินาที
IEC CCA test
การเริ่มการทดสอบเราจะมีการกำหนดค่าเริ่มต้นทดสอบเหมือน SAE J537 คือ ต้องชาร์จไฟเข้าตัวแบตเตอรี่ให้เต็มก่อนและรักษาอุณหภูมิขณะทดสอบไว้ที่ – 18 องศาเซลเซียส( 0 องศาฟาเรนไฮต์) จะทดสอบเป็นเวลา 24 ชม. ในขณะที่อุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งให้ใช้ การคายประจุปัจจุบันเท่ากับ CCA ที่ระบุ (แบตเตอรี่ 500 CCA คายประจุที่ 500A) ในการผ่านแรงดันจะต้องอยู่เหนือ 8.4V เป็นเวลา 60 วินาที
DIN CCA test
การเริ่มการทดสอบเราจะมีการกำหนดค่าเริ่มต้นทดสอบเหมือน SAE J537 คือ ต้องชาร์จไฟเข้าตัวแบตเตอรี่ให้เต็มก่อนและรักษาอุณหภูมิขณะทดสอบไว้ที่ – 18 องศาเซลเซียส( 0 องศาฟาเรนไฮต์) จะทดสอบเป็นเวลา 24 ชม. ในขณะที่อุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งให้ใช้การปล่อยกระแสไฟฟ้าเท่ากับ CCA ที่ระบุ (แบตเตอรี่ 500 CCA คายประจุที่ 500A) ในการผ่านแรงดันจะต้องอยู่เหนือ 9V สำหรับ 30s และ 6V สำหรับ 150 วินาที
ความสำคัญของค่า CCA
CCA (Cold Cranking Amp ) เป็นค่าที่บ่งบอกถึงกำลังไฟสตาร์ทของเครื่องยนต์ ถ้าค่านี้มีการลดลงต่ำเกินไปอาจจะส่งผลให้กำลังไฟที่ใช้ในการสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่พอที่จะทำให้รถยนต์ของเราเริ่มทำงานได้หรือเรียกง่ายๆว่าสตาร์ทไม่ติดนั่นเอง
CCA สูงทำให้ใช้แบตได้นานกว่าจริงมั้ย
CCA คือค่าที่บอกว่ากำลังสตาร์ทของแบตเตอรี่ลูกนั้นมีค่าเท่าไรแต่ไม่ได้บ่งบอกว่าการมีค่า แอมป์สูงกว่าจะทำให้ระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่มากขึ้นตามไปด้วย อายุการใช้งานของแบตเตอรี่เกิดจากหลายๆ ปัจจัย
ปัจจัยที่จะทำให้แบตเตอรี่อายุการใช้งานสั้นลงก็อาจจะเกิดจาก การที่เราใช้งานแบตเตอรี่หนักจนเกิดไป , การใช้แบตเตอรี่ ชนิดน้ำ หรือ กึ่งแห้ง แล้วไม่มีการเช็คน้ำกลั้นจนปล่อยให้แผ่นธาตุไหม้ , ถ้าไดชาร์จเสีย แล้วไม่สามารถชาร์จไฟเข้าไปในแบตได้จะส่งผลให้แบตเสียเร็วเป็นต้น
ทำไมเวลาวัดค่าของ CCA แต่ละครั้งถึงไม่เท่ากัน
สังเกตจากการทดลองที่ได้มาตรฐานแบบต่าง ๆ ข้างต้นจะต้องมีการควบคุมปัจจัยภายนอกหลาย ๆ ปัจจัยอาทิเช่นอุณหภูมิ และเวลาในการทำการทดลอง แต่การวัดที่เราวัดในปัจจุบันโดยใช้เครื่องมือในการวัดคือการวัดค่าแบบคร่าว ๆ เครื่องจะวัดค่าได้ไม่คงที่แต่จะออกมาใกล้เคียงค่าจริง แต่จะแตกต่างมากหรือน้อยอยู่ที่ความระเอียดของเครื่องมือวัดเอง รวมทั้งอุณหภูมิที่วัดในขณะนั้นด้วย ค่าของ CCA ของแบตเตอรี่รถยนต์แต่ละบริษัทจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับการผลิตของแบรนด์นั้นๆ รวมทั้งการเลือกใช้ค่า CCA เท่าไรก็แตกต่างกันไปตามรถยนต์แต่รุ่นด้วยเช่นกัน
ค่า CCA เท่าไรถึงจะเหมาสมกับรถของเรา
เราทราบกันมาบ้างแล้วว่าค่า CCA คืออะไรและสำคัญยังไง แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าค่า CCA เท่าไรถึงจะเหมาะสมกับรถของเรา เพราะแบตเตอรี่ก็มีหลายขนาด หลายยี่ห้อ หลายไซต์ให้เลือกตั้งมากมาย แล้วอะไรล่ะคือสิ่งที่เหมาะ เรามีตารางเปรียบเทียบกำลังสตาร์ทขั้นต่ำของแต่ละเครื่องยนต์มาให้ดูกันครับ
ขนาดเครื่องยนต์ (cc.) |
ค่า CCA ขั้นต่ำ |
1200 1500 2000 2500 3000 |
156 195 260 325 390 |
*หมายเหตุ คือกำลังสตาร์ทขั้นต่ำที่สามารถสตาร์ทได้แต่ขึ้นกับหลายปัจจัย ถ้าต่ำมากอาจจะสตาร์ทเครื่องยนต์ของรถเราไม่ติดได้
ถ้าอยากทราบรายละเอียดการเลือกแบตเตอรี่ให้ตรงกับเทคโนโลยีของรถคุณสามารถเข้าไปค้นหาได้เลยที่ แบตเตอรี่ตามยี่ห้อรถ